ข่าวที่น่าสนใจ

แถลงการณ์ความรับผิดชอบจากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์

    จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในบริเวณโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ กรณีที่มีครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กนักเรียนทั้งชั้น  ทำให้มีผู้ปกครองต่างก็รวมตัวกันฟ้องร้องเรียกความยุติธรรมให้กับบุตรหลานของตนเอง  อีกทั้งยังต้องการดำเนินคดีกับคุณครูที่ทำร้ายร่างกายเด็ก   ซึ่งเรื่องราวในครั้งนี้ถูกเผยแพร่ออกมาจากผู้ปกครองท่านหนึ่งที่มีการไลฟ์สดขณะที่มีการไปพูดคุยกับทางโรงเรียนถึงปัญหาที่เกิดขึ้น

ว่าลูกของพวกเขานั้นมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปและเมื่อขอกล้องวงจรปิดดูก็พบว่ารูปของพวกเขานั้นถูกทำร้ายจากคุณครูพี่เลี้ยงที่ชื่อว่าครูจุ๋มและยังมีครูประจำชั้นซึ่งเป็นครูมาจากประเทศฟิลิปปินส์ที่ทำร้ายร่างกายเด็กร่วมกันผู้อื่นๆที่อยู่ภายในห้องเรียนนั้นก็ปล่อยปละละเลยไม่สนใจช่วยเหลือเด็กในขณะที่เด็กต่อนั้นถูกทำร้าย

           จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ข่าวนี้โด่งดังไปทั่วประเทศซึ่งหลายคนที่ได้รับทราบข่าวได้เห็นคลิปวีดีโอต่างก็รู้สึกไม่พอใจกับการบริหารงานของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์เป็นอย่างมาก  เพราะนอกจากที่จะปล่อยให้คุณครูทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนโดยที่ไม่มีใครออกมาช่วยเหลือเด็กแล้ว 

          ผู้ปกครองยังมีการตรวจสอบพบว่าครูในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์นั้นมีการจบการศึกษาเพียงแค่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้นและไม่ได้มีวุฒิใบปริญญาหรือวุฒิที่สามารถบ่งบอกได้ว่าจบการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการเป็นครูมา  ทำให้หลายคนนั้นต้องกลับมาย้อนดูการบริหารการจัดการของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ว่ามีการดูแลบุคลากรของตนเองอย่างไรและมีการรับบุคลากรเข้ามาทำการสอนเด็กนักเรียนได้อย่างไรโดยที่ไม่ตรวจสอบวุฒิการศึกษาของบุคลากรเหล่านั้นเลยว่าคุณวุฒินั้นไม่เหมาะสมที่จะมาสอนเด็กนักเรียน

            เพราะการที่จะมาเป็นคุณครูได้นั้นจะต้องมีวุฒิการศึกษาที่บ่งบอกว่าได้มีการจัดการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการดูแลเด็กนักเรียนโดยตรงหนูก็คือการที่เรียนทางด้านจบมาเป็นครูโดยตรงและยังต้องมีการทดสอบเกี่ยวกับเรื่องของจิตวิทยาด้วยหากว่าคุณครูคนนั้นจะต้องมาดูแลเด็กนักเรียนในระดับอายุเพียงแค่ 3-5 ขวบ

           อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้ปกครองไม่พอใจและกำลังทำเรื่องฟ้องร้องกับทางโรงเรียนอยู่นั้นทางด้านทางโรงเรียนเองก็ได้ออกมาแถลงการณ์แสดงความรับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทางโรงเรียนสารสาสน์วิเทศมีสำนักงานใหญ่ที่เป็นสำนักงานหลักซึ่งได้ออกมาพูดถึงเรื่องประเด็นดังกล่าวว่า

            ทางโรงเรียนจะมีการเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ทั้งหมดของผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์อีกทั้งยังจะมีการลดบุคลากรที่เป็นครูที่มีวุฒิการศึกษาไม่ถึงรวมถึงได้มีการจัดการไล่ครูที่มีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายเด็กออกทั้งหมด  และทางโรงเรียนสารสาสน์ยังจะแสดงความรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของค่าเทอมของเด็กในปีการศึกษานี้อีกด้วยว่าจะมีการคืนค่าเทอมที่ทางผู้ปกครองได้เสียไปให้กับทางผู้ปกครองเพื่อเป็นการชดเชยความรู้สึกให้กับทางผู้ปกครอง

           ซึ่งในครั้งนี้คงต้องรอดูว่าทางโรงเรียนจะสามารถทำได้อย่างที่มีการแถลงการณ์หรือไม่และผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบนั้นจะยอมรับความรับผิดชอบที่ทางโรงเรียนสารสาสน์นั้นนำเสนอหรือไม่

 

สนับสนุนโดย    แทงหวยฮานอย

ข่าวที่น่าสนใจ

ชายวัย 54 ปีกินอ้อยแล้วติดคอตาย

         ที่จังหวัดกาฬสินธุ์พบชายวัยกลางคนอายุ 54 ปีนั่งเสียชีวิตอยู่ตรงเก้าอี้บริเวณใต้ถุนบ้านซึ่งสภาพศพนั้นพบว่ามีเศษอ้อยติดอยู่ภายในป่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าใส่คนดังกล่าวน่าจะกินอ้อยแล้วเสร็จอ้อยติดคอจนเสียชีวิตตรวจสภาพศพพบว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงซึ่งคาดว่าน่าจะตายมาแล้วตั้งแต่ช่วงเวลากลางดึกของเมื่อคืนเมื่อวาน

         ในช่วงวันที่ 6 เดือนมิถุนายนปี พ.ศ.2563 เป็นเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆมีชาวบ้านติดต่อแจ้งเรื่องกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ  สภ.เมืองกาฬสินธุ์ว่ามีคนเสียชีวิตภายในบ้านพักของตนเองด้วยอาการอาหารติดคอเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลห้วยโพธิ์พร้อมกับคณะแพทย์จากโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ก็พบกับผู้เสียชีวิตที่ต่อมาทราบชื่อว่านายสมเกียรติซึ่งนอนเสียชีวิตด้วย

สภาพใส่แต่กางเกงไม่ได้ใส่เสื้อนอนหงายอยู่ตรงโต๊ะไปใต้ถุนบ้านของบ้านตนเองซึ่งภายในปากของผู้เสียชีวิตยังพบเศษต้อยและเมื่อเช็คข้อมูลแล้วพบว่านายสมเกียรตินั้นเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 8 ชั่วโมงโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตมาตั้งแต่ช่วงกลางดึกของเมื่อคืนจากการพูดคุยกับลูกชายของนายสมเกียรติผู้เสียชีวิตได้ทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นมีกันอยู่

แค่สองคนก็คือผู้ตายกับลูกชายแต่เนื่องจากว่าทั้งคู่นั้นมักจะไม่ลงรอยกันหากพูดกันทีไรก็จะทะเลาะกันอยู่เสมอทั้งคู่จึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะมีการพูดคุยกันดังนั้นเมื่อลูกชายกลับมาบ้านในตอนเย็นเห็นว่าผู้เป็นพ่อนั่งอยู่ตรงโต๊ะจึงไม่ได้เข้าไปพูดคุยด้วยโดยกลับขึ้นไปในบ้านและเข้านอนทันทีหลังจากนั้นรุ่งเช้าตื่นมาก็ยังพบว่าผู้เป็นพ่อนั้นนอนอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ถุนบ้านที่เดิมจึงคิดว่าผู้เป็นพ่อนั้นดื่มเหล้าแล้ว

เมาหลับยังไม่ได้เข้ามาพูดคุยด้วยแต่อย่างไรก็ตามหลังจากออกไปธุระข้างนอกแล้วกลับเข้ามาบ้านในตอนบ่ายๆอีกครั้งหนึ่งก็ยังเห็นว่าพ่อนั้นนอนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหนจึงตั้งใจที่จะเดินเข้ามาปลุกให้พ่อไปนอนในห้องแต่เมื่อจับตัวพ่อพบว่าพ่อนั้นเสียชีวิตแล้วจึงได้มีการโทรแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบจุดศพอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสมเกียรตินั้น

ไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้งหนึ่งและได้เชิญตัวลูกชายของนายสมเกียรติไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมสนใจคนอื่นๆนั้นไม่มีใครติดใจสาเหตุการเสียชีวิตดังนั้นจึงได้มีการนำศพของผู้เสียชีวิตนั้นไปทำการทำพิธีทางศาสนาต่อไปนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    แทงหวยฮานอย