สุขภาพ

3 อาหารและเครื่องดื่มที่ช่วยบำรุงตับของเราได้

ตับ เป็นหนึ่งในอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก และจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องดูแลรักษาสุขภาพตับของเราให้ดีอยู่เสมอ เพราะเราอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าตับจะมีหน้าที่ คอยสั่งการและคอยช่วยเหลืออวัยวะอื่นๆภายในร่างกายของเรา

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพตับของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีพฤติกรรม หรือการใช้ชีวิตที่อาจทำให้ตับของเราทำงานไม่มีประสิทธิภาพ

หรือทำงานผิดปกติจนอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆภายในร่างกายของเราได้ เพราะคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ มักที่จะมีพฤติกรรมการทำลายตับของตนเองให้ทำงานผิดปกติกันอยู่เสมอ จนอาจทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายหรือ อาจทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคไขมันพอกตับ ตับอักเสบ

รวมไปจนถึงโรคอื่นๆที่เกี่ยวกับตับอีกด้วย ฉะนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามการดูแลสุขภาพตับของเราให้ดีและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม

ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำเครื่องดื่มที่รับรองได้เลยว่าหากเราดื่มเป็นประจำนอกจากจะมีประโยชน์ดีๆต่อร่างกายของเราแล้วยังสามารถช่วยบำรุงตับของเราได้อีกด้วย จะมีเครื่องดื่มอะไรกันบ้างไปดูกันเลย

กาแฟ หลายคนมองว่ากาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทจะสามารถช่วยบำรุงหัวใจของเราให้แข็งแรงได้อย่างไรกัน  เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ   แต่รู้หรือไม่ว่ากาแฟที่ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อตับของเราเป็นอย่างมาก เพราะกาแฟนั้นจะส่งผลต่อเอนไซม์ของตับ ช่วยลดการสะสมของไขมันในตับได้ แถมยังช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ตักเพื่อเป็นหนึ่งในตัวช่วยในการป้องกันการเกิดโรคไขมันพอกตับได้นั่นเอง

น้ำมันมะกอก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่ส่งผลดีต่อตับและสามารถช่วยบำรุงตับของเราให้แข็งแรงได้ ถึงแม้ว่าการทานไขมันที่สูงจะส่งผลกระทบต่อตับของเรา แต่หากเป็นน้ำมันมะกอกที่เรียกได้ว่ามีไขมันไม่อิ่มตัวสูง จึงเหมาะสำหรับที่จะบำรุงสุขภาพตับของเราให้แข็งแรง แถมยังมีส่วนช่วยในการปรับการทำงานของตับให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกด้วย

องุ่น เป็นหนึ่งในอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแถมยังช่วยบำรุงตับของเราให้ดีขึ้นได้อีกด้วย เนื่องจากในองุ่นนั้นจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมากๆ จึงสามารถช่วยป้องกันการเสียหายของตับได้ ช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกาย รับรองได้เลยว่าหากเราทานเป็นประจำนั้นนอกจากจะมีประโยชน์ดีๆต่อร่างกายของเรายังสามารถช่วยทำให้ตับของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

สุขภาพ

3 วิธีแก้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย

เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมจนส่งผลให้ร่างกายนั้นมีอาการท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยได้ง่าย เพราะอาการท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย เป็นหนึ่งในอาการที่คนส่วนใหญ่นั้นมักที่จะพบเจอกันอยู่บ่อยๆ อาจทำให้อยู่ในหลายคนนั้นรู้สึกไม่สบายตัวกันอย่างแน่นอน

ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่มักที่จะมองหาวิธีการ แก้อาการท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งวิธีการแก้อาการท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยในสมัยปัจจุบันนี้ก็สามารถช่วยบรรเทาหรือ แก้ได้หลากหลายวิธีที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น หากใครที่มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม หรือมักที่จะมีอาการพะอืดพะอม ท้องอืด แน่นท้อง มีกรดในกระเพาะอาหารเยอะ

จนบางครั้งอาจทำให้อาเจียนออกมา และกำลังมองหาวิธีการแก้ไขอาการดังกล่าวนี้อยู่ วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการแก้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อยด้วยวิธีง่ายๆ รับรองได้เลยว่าหากทำตามวิธีดังกล่าวจะช่วยบรรเทาอาการท้องอืดอาหารไม่ย่อยและช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารได้ดีอย่างแน่นอน จะมีวิธีไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

  • การรับประทานอาหารให้ช้าลง

คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้นอกจากจะมีพฤติกรรมการกินไม่เหมาะสมแล้วยังมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างรวดเร็วอีกด้วยเพราะบางคน ใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบจึงทำให้การรับประทานอาหารนั้นเร่งรีบไปด้วย ซึ่งรู้หรือไม่ว่าสาเหตุดังกล่าวที่ทำให้เรามีอาการท้องอืดอาจจะเป็นเพราะว่าเรารับประทานอาหารเร็วจนเกินไป ดังนั้นวิธีแก้ง่ายๆเลยก็คือ เราควรที่จะรับประทานอาหารให้ช้าลง เคี้ยวอาหารให้ละเอียดมากขึ้น เพราะวิธีนี้จะช่วยให้ กระเพาะอาหารหรือระบบย่อยอาหารของเรานั้นไม่ทำงานหนักจนเกินไป

  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแก๊ส

แน่นอนว่า สาเหตุสำคัญของอาการท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยนั้นมักที่จะมาจากอาหารที่อุดมไปด้วยแก๊สค่อนข้างที่จะเยอะ ฉะนั้น สำหรับใครที่กำลังพบเจอกับ อาการท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย หรือรู้สึกพะอืดพะอมอยู่ตลอดเวลา หากต้องการบรรเทาอาการควรที่จะหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มหรืออาหารที่มีแก๊ส เพราะเครื่องดื่มประเภทนี้จะยิ่งทำให้อาการท้องอืดของเรานั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

  • การเคลื่อนไหวร่างกาย

คนส่วนใหญ่มักที่จะมีพฤติกรรมการกินแล้วก็นอนทันที ซึ่งรู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมที่เราทำอยู่นั้นอาจเป็นพฤติกรรมที่ผิด เพราะจะยิ่งทำให้เรามีอาการท้องอืดได้ง่ายอีกทั้งยังทำให้เรามีอาการจุกเสียดพะอืดพะอม จนอาจทำให้เราอาเจียนออกมาได้ ซึ่งวิธีการแก้อาการท้องอืดง่ายๆเลยก็คือหลังการรับประทานอาหารไม่ควรนอนหรือเอ็นหลังเลยทันทีควรที่จะเคลื่อนไหวร่างกายหรือ ทำให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้ร่างกายของเรานั้นได้รับความเสี่ยงต่อการมีอาการท้องอืดนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

สุขภาพ

อาหารที่ทำให้อ้วนลงพุง

สมัยปัจจุบันนี้ถึงแม้ว่าการเลือกรับประทานอาหารจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากแค่ไหนก็ตาม แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังมีความกังวลว่า การที่เรารับประทานอาหารเยอะๆนั่นจะยิ่งทำให้เราอ้วนลงพุงได้

เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากมีพุง หรือมีไขมันบริเวณหน้าท้องกันทั้งนั้น เนื่องจากการที่เรามีไขมันบริเวณหน้าท้อง เยอะ นอกจากจะทำให้เรามีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแล้วยังทำให้เราดูอ้วนมากขึ้นอีกด้วย

ซึ่งแน่นอนว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาที่สาวๆส่วนใหญ่นั้นหนักใจกันเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะเลือกรับประทานอาหารประเภทไหนก็จะเลือกแต่สิ่งที่ไม่ทำให้อ้วนง่าย

แต่ถึงอย่างไรอาหารที่มีรสชาติหวานหรือแม้แต่ขนมหวานก็ยังเป็นอาหารที่สาวๆส่วนใหญ่นั้นโปรดปรานกันเป็นอย่างมาก จะไม่ทันก็ไม่ได้

เพราะเป็นรสชาติอาหารที่อร่อยถูกปาก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าอาหารรสชาติหวานจะเป็นอาหารที่สาวๆส่วนใหญ่นั้นชอบทานกันเป็นอย่างมาก

อาหารที่ทำให้อ้วนลงพุง แต่หากเราทานในปริมาณที่เหมาะสมก็สามารถ ทำให้เราไม่มีพุ่งได้

ดังนั้นสำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับไขมันบริเวณหน้าท้อง และไม่อยากให้ใครมันบริเวณนี้เพิ่มขึ้นจนส่งผลให้ตัวเองนั้นดูอ้วน วันนี้เราก็สบายทุกคนไปดูกันว่าจะมีอาหารประเภทไหนบ้างที่ทำให้เราอ้วนลงพุงได้ จะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

  • ขนมปังขาว

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ชอบทานขนมปังกันเป็นอย่างมาก แต่ขนมปังในสมัยนี้ก็มีมากมายหลากหลายชนิดที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นขนมปังเพื่อสุขภาพที่ทำมาจากข้าว หรือขนมปังบางชนิดที่ทำมาจากแป้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนมปังขาวซึ่งรู้หรือไม่ว่าเป็นขนมปังที่ทำให้เราอ้วนลงพุงได้ เนื่องจากขนมปังชนิดนี้จะเป็นขนมปังที่ไม่ผ่านการขัดสี ซึ่งหากเราทานมากๆนั้นก็จะยิ่งทำให้ไขมันบริเวณหน้าท้องของเราเพิ่มขึ้น และไม่ลดลงได้อีกด้วย

  • พิซซ่า

แน่นอนว่าอาหารประเภทนี้เป็นอาหารที่คนส่วนใหญ่นั้นชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นอาหารว่างที่คนส่วนใหญ่นั้นเลือกทาน แต่รู้หรือไม่ว่าพิซซ่าส่วนใหญ่นั้นจะทำมาจากแป้ง ซึ่งอาจทำให้มีการสะสมของไขมันในร่างกายของเราได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งพุง เนื่องจากพิซซ่านั้นจะเป็นอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงซึ่งหากเราทานเข้าไปนั้นก็จะยิ่งทำให้ไขมันไปสะสมอยู่บริเวณหน้าท้องของเราได้นั่นเอง

  • อาหารรสหวานๆ

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าอาหารรสชาติหวานนั้นเป็นอาหารที่ทำให้เราอ้วนได้ง่าย ยิ่งถ้าเราทานเยอะๆก็จะยิ่งทำให้ไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องของเราเยอะ ดังนั้นสำหรับใครที่ไม่อยากอ้วนหรือไม่อยากลงพุง ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติหวานเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

สุขภาพ

อาการโรคมะเร็งปากมดลูก มีอาการที่จะสามารถรู้ได้อย่างไรบ้าง

จริงๆแล้วโรคอันตรายรุนแรงของเพศหญิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็มีไม่กี่โรคหรอกที่สามารถรู้ได้ง่ายๆ หนึ่งในซึ่งก็คือ โรคมะเร็งปากมดลูก ที่หลายๆ คนต้องสงสัยว่าตนเองกำลังเสี่ยง หรือกำลังจะเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกอยู่หรือไม่ เวลาเจ็บท้องรอบเดือนหนักๆ นับว่าเป็นอาการที่จะก่อให้เกิดโรคนี้หรือเปล่า และก็มีลักษณะอาการโรคมะเร็งปากมดลูก เช่นไร เราได้มีการหาคำตอบมาให้แล้ว

อาการมะเร็งปากมดลูก

  • มีเลือดไหลจากช่องคลอดอย่างไม่มีสาเหตุ อย่างเช่น ขณะ หรือหลังมีเซ็กส์ หลังตรวจภายใน
  • จะมีมีเลือดไหลจากช่องคลอด หลังหมดเมนส์แล้ว หรือเมนส์มามากเยอะแตกต่างจากปกติ
  • มีตกขาวอย่างชัดเจน และก็อาจมีเลือดผสม
  • มีความรู้สึกเจ็บ ขณะมีเซ็กส์
  • มีสารคัดเลือกหลั่งออกมาจากช่องคลอดมากแตกต่างจากปกติ หรือบางทีอาจผสมเลือด
  • ฉี่หลายครั้ง หรือบางทีอาจปวดบวม ฉี่ไม่ออก
  • เหน็ดเหนื่อย หมดแรง
  • เบื่อข้าว ผอมเกร็ง น้ำหนักลงอย่างไม่เคยทราบมูลเหตุ
  • เจ็บท้องน้อย

ถ้าหากอาการร้ายแรงขึ้น ก็สามารถที่จะเกิดอาการอื่นร่วมด้วย ตัวอย่างเช่น ขาบวม ปวดหลัง ฉี่มีเลือดผสม และอื่นๆอีกมากมาย

จะรู้ได้เลยว่าอาการโรคมะเร็งปากมดลูกที่ดูได้ง่ายๆ เป็นมีเลือดไหลจากช่องคลอดขณะ หรือหลังมีเซ็กส์ รวมถึงอาการตกขาวที่อาจมีเลือดผสม ถ้าเกิดเจออาการดังกล่าวข้างต้น บวกกับอาการในหลายๆข้อด้วยแล้วล่ะก็ ควรที่จะไปหาหมอให้เร็วเลย แต่ว่าหากแม้จะเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก  อาการโรคมะเร็งปากมดลูก    ก็ยังมีแนวทางป้องกันด้วยนะ

มะเร็งปากมดลูกพบได้ในใครบ้าง ?

จะเจอได้ในผู้หญิงถัดลงมาจาก โรคมะเร็งเต้านม โดยข้อมูลนี้ก็รวมทั้งในประเทศไทยด้วย ทั้ง โรคมะเร็งปากมดลูกก็ยังเป็นโรคที่จะมีการเกิดขึ้นในผู้หญิงที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 30 – 70 ปี พบบ่อยในช่วงอายุ 45 – 55 ปี แต่ว่าก็มิได้มีการพบได้ในเพศหญิงที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปีลงไป รวมทั้งคนชราที่มีอายุสูงกว่า 70 ปีขึ้นไป

ผู้หญิงควรเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเมื่อใด ?

สำหรับในการเริ่มตรวจคัดเลือกกรองโรคมะเร็งปากมดลูกนั้น เพศหญิงที่มีเซ็กส์ทุกช่วงอายุน่าจะเดินทางไปตรวจค้นหาโรคมะเร็งปากมดลูกอยู่เป็นประจำ หรือที่เรียกกันว่า การตรวจแป๊บสเมียร์ อย่างต่ำปีละ 1 ครั้ง ส่วนเพศหญิงที่ไม่เคยร่วมเพศ ควรจะเริ่มตรวจคัดเลือกกรองเมื่อมีอายุราวๆ 21 – 25 ปีขึ้นไป ซึ่งแม้เจอความผิดแปลก หมอก็อาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มเติมอีก ตัวอย่างเช่น การตรวจแป๊บสเมียร์ซ้ำ หรือนัดหมายตรวจแป๊บสเมียร์หลายครั้งขึ้น หรือพิเคราะห์ตัดชิ้นเนื้อปากมดลูกสำหรับการเอาไปตรวจทางพยาธิวิทยา  เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ   ดังนี้ก็ขึ้นกับสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของคนไข้ รวมทั้งดุลยพินิจของหมอเป็นหลัก

สุขภาพ

ลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนยุค 2022  ไม่ยากอีกต่อไป 

เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักยุค 2022 ไม่ยากอีกต่อไปแล้วนะ ลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนยุค เพราะว่ายุคนี้มีตัวเลือกหรือทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพมากมายเลยละ เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน สามารถทำได้เลย ง่ายๆเลยไม่เชื่อลองทำตามดูสิ ไปเริ่มกันเลย 

-ตั้งเป้าหมายและวางแผนการกินได้เลย

เพื่อนๆ และสาวๆ แค่เริ่มจากความตั้งใจก่อนเลยและวางแผนการกินได้เลย 

การตั้งเป้าหมายเพื่อนๆ และสาวๆ อาจจะตั้งให้ไม่ไกลเกินเอื้อมไปนะ ค่อยๆ ทำให้ถึงเป้าหมายและทำต่อให้สำเร็จ และเริ่มวางแผนการกินได้เลยเพราะว่าการวางแผนการกินจะช่วยทำให้เพื่อนๆ และสาวๆ กินอาหารได้ครบหมู่

-โหลดแอปแจ้งแคลอรี่ 

เพื่อนๆ และสาวๆ เช็คค่าแคลอรี่ที่ควรกินในแต่ละวัน ได้โหลดเพียงแค่โหลดแอปที่ช่วยคำนวณแคลอรี่เวลาเรากินอาหารอะไรไปบ้าง ซึ่งมันสะดวกและสบายสุดๆไปเลย แนะนำว่าให้เพื่อนๆและสาวๆ ใช้ทุกวันจนเริ่มรู้แคลอรี่อาหารเอาก็ได้นะ 

-ออกกำลังกายตามคลิป

เพื่อนๆและสาวๆ คนไหนที่อยากออกกำลังกายไม่จำเป็นที่จะต้องไปที่ฟิตเนส อีกต่อไป เพื่อนๆและสาวๆ สามารถเลือกคลิปที่อยากออกกำลังกายตามคลิปได้เลย เพราะว่าเดี๋ยวนี้มีคลิปแนะนำต่างๆ มาให้เลือกมากมายเลยละ ไม่ว่าจะเป็นเน้นต้นขา ต้นแขน หรือ เน้นเผาผลาญทั้งตัว ก็มีนะ 

-เลือกซื้อเครื่องปรุงและอาหารสุขภาพ

เพื่อนๆและสาวๆ สามารถที่จะเลือกซื้อเครื่องปรุงทางเลือกหรือเครื่องปรุงเพื่อสุขภาพได้เลยเพราะว่ามันจะช่วยทำให้อาหารคุณคลีนมากขึ้นค่ะ และแนะนำให้เพื่อนๆและสาวๆ เลือกซื้ออาหารสุขภาพได้เลย เพราะเดี๋ยวนี้มีขายตามร้านค้าทั่วไปหรือร้านอาหารสุขภาพด้วยนะ 

-หันมาทำอาหารคลีนกินเอง

เพื่อนๆและสาวๆ ลองหันมาทำอาหารคลีนกินเองก็ได้นะ หากซื้อแล้วไม่ถูกใจก็เลือกทำเองตามใจชอบได้เลยเพราะว่ามีทั้งเครื่องปรุงทางเลือก และวัตถุดิบเพื่อสุขภาพเยอะแยะมากเลยละ เพื่อนๆ และสาวๆ สามารถเลือกทำอาหารตามใจได้เลย เพราะมีคลิปแนะนำวิธีการทำอาหารคลีนเยอะเลยเดี๋ยวนี้

-หาขนมเพื่อสุขภาพหรือของว่างที่มีประโยชน์

เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากจะดูแลหุ่น แนะนำว่าเพื่อนๆและสาวๆ หาขนมเพื่อสุขภาพและของว่างที่มีประโยชน์มากินแทนขนมทั่วไปก็ดีนะ มันจะช่วยเรื่องแคลอรี่ไม่สูงและขนมเพื่อสุขภาพยังช่วยลดแคล และเพิ่มโปรตีนให้เพื่อนๆ ได้ด้วยนะ ลองเลือกมากินดูสิ

-นอนให้เยอะ ดื่มน้ำให้มาก

เพื่อนๆและสาวๆ หลายๆคน หันมานอนให้เยอะ และ ดื่มน้ำให้มากสิ มันดีต่อสุขภาพและก็ดีต่อระบบเผาผลาญในร่างกายได้ดีด้วยนะ ดังนั้นนอนและดื่มน้ำให้เยอะๆ เข้าไว้นะ เพื่อหุ่นที่ดีของเรา

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จหรือใส่ถ่านดีกว่ากัน

ข่าวที่น่าสนใจ

วัยรุ่นที่เล่นกีฬาหลังเลิกเรียน

สังเกตจะมีความกระฉับกระเฉงมากกว่าคนที่ไม่เล่นกีฬาเพียง 7 นาทีต่อวัน วัยรุ่นที่เล่นกีฬาที่มีการจัดการจะได้รับการออกกำลังกายเฉลี่ย 7 นาทีต่อวัน มากกว่าวัยรุ่นที่ไม่เล่นกีฬาใดๆ

งานวิจัยของเราซึ่งตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์และการแพทย์ในการกีฬา พบว่ากีฬาที่มีการจัดการมีส่วนทำให้ระดับการออกกำลังกายในแต่ละวันของวัยรุ่นมีเพียง 4% ทำให้สุขภาพร่างกายในวับรุ่นนั้นมีความเสี่ยงที่เกิดปัญหาในด้านสุขภาพได้ เนื่องจากในช่วงวัยนี้นั้นมักจะใช้เวลาไปกับสิ่งอื่นๆมากกว่าการออกกำลังกาบ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การเดทหรือการกินมากกว่ารวมถึงการท่องเที่ยวด้วย

มีคำอธิบายที่เป็นไปได้หลายประการสำหรับเรื่องนี้ วัยรุ่นมักจะออกกำลังกายส่วนใหญ่ในช่วงเวลาเรียนและเวลาว่างที่ไม่มีโครงสร้างมากกว่ากีฬาที่จัด การศึกษาแสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นใช้เวลาระหว่างหนึ่งในสามถึงครึ่งในการฝึกซ้อมกีฬาเพื่อทำกิจกรรมในระดับความเข้มข้นที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของพวกเขา วัยรุ่นอาจเดินทางไปและกลับจากการฝึกซ้อมกีฬาและเกมในรถและผู้ที่ไม่เล่นกีฬาอาจใช้เวลานี้ทำกิจกรรมทางกายอื่นๆ

นี่ไม่ได้หมายความว่ากีฬาไม่สำคัญ แต่มีหลายวิธีในการออกกำลังกาย วัยรุ่นอาจเดินหรือปั่นจักรยานไปและกลับจากโรงเรียน เดินระหว่างชั้นเรียนที่โรงเรียน เข้าร่วมพลศึกษา ยิงห่วงที่สวนสาธารณะในท้องถิ่นกับเพื่อน ๆ ช่วยงานบ้านและเล่นกีฬา

เราเรียนอะไรบ้าง เราคัดเลือกวัยรุ่น 358 คน (เด็กชาย 146 คน เด็กหญิง 212 คน) จากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นของรัฐวิกตอเรีย 18 แห่งเพื่อทำการศึกษา เราขอให้พวกเขารายงานจำนวนทีมกีฬาและชั้นเรียนการออกกำลังกายที่พวกเขาเข้าร่วมนอกเวลาเรียน รวมทั้งประเภทกีฬาที่พวกเขาเล่นและจำนวนครั้งที่เล่นในแต่ละสัปดาห์ นอกจากนี้เรายังบันทึกกิจกรรมการออกกำลังกายประจำวันของผู้เข้าร่วมโดยขอให้พวกเขาสวมเครื่องวัดความเร่ง (อุปกรณ์บันทึกการเคลื่อนไหวของพวกเขา) เป็นเวลาแปดวัน ผู้เข้าร่วม (อายุเฉลี่ย 15.3) ใช้เวลาเฉลี่ย 27 นาทีต่อวัน

ในการออกกำลังกายระดับปานกลางถึงหนัก ครึ่งหนึ่งรายงานว่าเล่นกีฬาอย่างน้อยหนึ่งชนิด ผู้ที่เล่นกีฬาทำเช่นนั้นโดยเฉลี่ย 3.4 ครั้งต่อสัปดาห์ พวกเขามีกิจกรรมมากกว่าเจ็ดนาทีต่อวันมากกว่าผู้เข้าร่วมที่ไม่ได้เล่นกีฬา

ผู้เข้าร่วมมีการออกกำลังกายเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยห้านาทีต่อวันสำหรับกีฬาเพิ่มเติมแต่ละประเภท กีฬาฮอกกี้และยิมนาสติกมีส่วนสำคัญต่อระดับกิจกรรม นี่ไม่ได้หมายความว่าการเล่นกีฬาไม่สำคัญ กีฬามีประโยชน์มากมายทั้งด้านสังคมและสุขภาพจิตสำหรับวัยรุ่น แต่การศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการปฏิบัติตามแนวทางการออกกำลังกายหรือลดน้ำหนัก การศึกษาก่อนหน้านี้ยังแสดงให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างการเล่นกีฬากับการลดน้ำหนักที่ค่อนข้างอ่อนแอ

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ