ป้ายกำกับ: เครื่องช่วยฟังราคาถูก

ถึงแม้ว่าการรับประทานอาหารจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรามากขนาดไหนก็ตาม แต่รู้หรือไม่ว่า อาหารบางประเภทก็ไม่ได้มีประโยชน์สุขภาพร่างกายของเราเสมอไป เพราะบางคนอาจจะมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารไม่เลือก หรือมักที่จะชอบทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย จนส่งผลกระทบต่อร่างกายของเรานั่นเอง

ซึ่งเราเชื่อว่าในสมัยปัจจุบันนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า การมีสุขภาพร่างกายที่ดี จะสามารถทำได้อย่างไร

เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าใครก็ตามก็คงอยากที่จะมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงกันทั้งนั้น เพื่อที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรง สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานมากขึ้น ฉะนั้น การที่เราจะมีสุขภาพร่างกายที่ดี ไม่เพียงแต่หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำย่างสม่ำเสมอ หรือนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

แต่การเลือกรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรจะมองข้ามไปเช่นกัน เพราะปกติแล้วร่างกายของเรา จำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงนั่นเอง ดังนั้น หากใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่ดี วันนี้เราก็จะมาแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยสร้างสุขภาพที่ดีได้จากการกิน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

• การทานอาหารเช้าเป็นประจำ หลายคนในสมัยนี้ใช้ชีวิตกันด้วยความเร่งรีบ จนทำให้ลางคนไม่ค่อยได้ทานอาหารเช้า ซึ่งรู้หรือไม่ว่าอาหารเช้านั้นเป็นมื้อที่สำคัญต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก ยิ่งหากใครที่อยากสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่ตนเอง ยิ่งไม่ควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารเช้าอย่างเด็ดขาด เนื่องจากอาหารเช้าจะสามารถเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายของเราได้ แถมยังสามารถช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกด้วย 
• การเน้นการทานผักผลไม้ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เราไม่ควรจะมองข้ามอย่างเด็ดขาด หากอยากมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงคือ การเน้นการทานผักผลไม่เป็นประจำ เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า ผักผไม้นั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก หากร่างกายของเราได้รับอย่างเพียงพอเป็นประจำ ก็จะยิ่งดีต่อร่างกาย ยิ่งหากใครที่อยากกินเพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกาย ยิ่งต้องเน้นการทานผักหรือผลไม้ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีนั่นเอง 
• การทานเนื้อสัตว์ รู้หรือไม่ว่า เนื้อสัตว์ย่อมเป็นหนึ่งในอาหารที่สามารถให้โปรตีนแก่ร่างกายของเราได้ ฉะนั้น หากใครที่อยากสร้างรูปร่างกายที่ดี หรืออยากที่จะมีสุขภาพร่างกายที่ดี และแข็งแรง การทานเนื้อสัตว์อย่าง ปลา ไก่ ไข่ หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันเยอะ อาจเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ดีที่จะสร้างความแข็งแรง และสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่เราได้

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

ไมเกรนเป็นภาวะทางการแพทย์ที่ทำให้คนปวดศีรษะรุนแรงได้ นักวิจัยได้พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าปัจจัยทางพันธุกรรมสามารถทำให้เกิดไมเกรนได้ ข้อมูลจาก American Migraine Foundation ชี้ให้เห็นว่าผู้คนกว่า 37 ล้านคนในสหรัฐอเมริกามีอาการไมเกรน ไมเกรนทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง

ไมเกรนเป็นกรรมพันธุ์หรือไม่ ซึ่งอาจกินเวลานานหลายชั่วโมงหรือเป็นวัน มีหลายปัจจัยที่ทำให้คนเป็นไมเกรนได้ รวมถึงปัจจัยทางกรรมพันธุ์ด้วย

บทความนี้จะกล่าวถึงไมเกรนคืออะไร ความเชื่อมโยงทางพันธุกรรม และเมื่อใดที่ควรไปพบแพทย์ ไมเกรนสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้หรือไม่ ใช่ ไมเกรนเป็นกรรมพันธุ์ การวิจัยบ่งชี้ว่าทั้งปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมสามารถนำไปสู่ไมเกรนได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญไม่แน่ใจว่าปัจจัยทางพันธุกรรมทำให้เกิดไมเกรนได้อย่างไร

จากข้อมูลของ American Migraine Foundation บุคคลที่มีพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นไมเกรนมีโอกาส 50% ที่จะเป็นโรคไมเกรน ความเป็นไปได้ของการเป็นไมเกรนเพิ่มขึ้นถึง 75% ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นไมเกรน มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ที่เป็นโรคไมเกรนมีญาติอย่างน้อยหนึ่งคนที่เป็นโรคไมเกรน งานวิจัยบอกว่าอย่างไร ในปี 2021

นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการแปรผันของยีนหรือการกลายพันธุ์ที่สืบทอดมาจากพ่อแม่หรือผู้ปกครองของบุคคลนั้นสามารถทำให้เกิดไมเกรนได้

ความผิดปกติในยีนที่เฉพาะเจาะจงอาจหมายถึงบางคนมีแนวโน้มที่จะเป็นไมเกรนมากกว่าคนอื่นๆ การวิจัยในปี 2018 พบตำแหน่งมากกว่า 40 ตำแหน่งในยีนของบุคคล ซึ่งการกลายพันธุ์สามารถทำให้เกิดไมเกรนได้ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ากลุ่มของการกลายพันธุ์ของยีนอาจเป็นสาเหตุของไมเกรน นักวิจัยจากการศึกษาปี 2018 วิเคราะห์ 1,589 ครอบครัวที่มีอาการปวดหัวไมเกรน

นักวิจัยพบว่าครอบครัวเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่ก่อให้เกิดไมเกรนในปริมาณที่มากกว่าประชากรทั่วไป ลักษณะของไมเกรนบางอย่างอาจมีความเชื่อมโยงกับประวัติครอบครัวที่เป็นไมเกรน เช่น อาการปวดหัวไมเกรนเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย อาการไมเกรนบ่อยขึ้น ปวดหัวไมเกรนแบบมีออร่า ปวดศีรษะไมเกรนที่ต้องรับประทานยาเป็นเวลานานประเภทของไมเกรนและการเชื่อมโยงทางพันธุกรรม

ใช่ ไมเกรนบางประเภทมีการเชื่อมโยงทางพันธุกรรมที่แข็งแกร่ง บุคคลสามารถสืบทอดรูปแบบของไมเกรนที่เรียกว่า ไมเกรนอัมพาตครึ่งซีกในครอบครัว (FHM) ในรูปแบบที่เด่นชัดของ autosomal ซึ่งหมายความว่าคน ๆ หนึ่งต้องการเพียงหนึ่งสำเนาของยีนที่กลายพันธุ์เพื่อให้มี FHM

อย่างไรก็ตาม บุคคลไม่จำเป็นต้องมี FHM เพียงเพราะพวกเขามีการกลายพันธุ์ FHM มีสี่ประเภท ประเภทของ FHM นั้นขึ้นอยู่กับยีนที่เป็นสาเหตุ FHM สี่ประเภทคือ:

• FHM ประเภท 1: FHM ประเภท 1 เป็น FHM ที่พบบ่อยที่สุดที่เกิดจากการกลายพันธุ์ในยีน CACNA1A
• FHM ประเภท 2: FHM นี้เกิดขึ้นเนื่องจากการกลายพันธุ์ในยีน ATP1A2 FHM ประเภท 2 อาจเกี่ยวข้องกับอาการชัก
• FHM ประเภท 3: FHM ประเภท 3 เกิดขึ้นเนื่องจากการกลายพันธุ์ของยีน SCN1A
• FHM ประเภท 4: แพทย์จะวินิจฉัย FHM ประเภท 4 หากไม่พบยีนที่ทำให้เกิด FHM

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเชื่อมโยงทางพันธุกรรม

หากคนรู้เกี่ยวกับความเชื่อมโยงทางพันธุกรรมกับไมเกรน ก็จะสามารถช่วยให้พวกเขาได้รับการวินิจฉัยและรับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว หากรู้ว่าตนเองมีประวัติไมเกรนก็สามารถช่วยให้สมาชิกในครอบครัวได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องได้เช่นกัน สมาชิกในครอบครัวสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ค้นหาตัวกระตุ้นและอาการไมเกรน

• พิจารณาว่าตัวเลือกการรักษาใดได้ผลดีที่สุด
• พิจารณาว่ารูปแบบอาการปวดหัวมีการเปลี่ยนแปลงตลอดชีวิตหรือไม่
• คิดออกเมื่ออาการไมเกรนอาจเริ่มเกิดขึ้น
• เรียนรู้สิ่งที่อาจทำให้เกิดอาการไมเกรนได้ที่นี่

อาการไมเกรนกับอาการปวดหัว ไมเกรนเป็นภาวะที่ทำให้คนปวดศีรษะปานกลางถึงรุนแรง อาการปวดหัวไมเกรนมักเกิดขึ้นที่ศีรษะด้านใดด้านหนึ่ง แม้ว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสองด้าน เมื่อคนเรามีอาการไมเกรน พวกเขาอาจมีอาการได้ถึงสี่ระยะ

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

เสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนัก สำหรับเสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักเป็นที่นิยมในหมู่นักกีฬาและคนดังมาอย่างยาวนาน เช่น เดวิด เบ็คแฮม และเจมม่า แอตคินสัน อดีตดาราฮอลลี่ยอคส์ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ความสนใจในการใช้งานของพวกเขาอาจป่องๆ หลังจากที่ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook ได้แชร์ภาพเซลฟี่ที่ชุ่มเหงื่อของตัวเอง

ที่สวมอยู่ทาง Instagram เสื้อถ่วงน้ำหนักมักจะมีน้ำหนัก 5-20 กก. โดยทั่วไปจะสวมใส่เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการออกกำลังกาย

เสื้อกั๊กบางชนิดมีน้ำหนักคงที่และบางชนิดมีกระเป๋าซึ่งสามารถเพิ่มแผ่นน้ำหนักที่แตกต่างกันได้ก่อนสวมใส่ ถึงแม้ในอดีต มีการใช้เสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักเพื่อฝึกทหารให้บรรทุกของหนัก สิ่งเหล่านี้อาจรวมถึงอุปกรณ์ป้องกันที่ทหารสวมใส่ เช่น เสื้อเกราะกันกระสุน

ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 10 กก. ในบางประเทศ นักผจญเพลิงจำเป็นต้องฝึกด้วยเสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความต้องการในงานของตน

แต่เมื่อไม่นานที่ผ่านมานั้น ผู้คนใช้เสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักระหว่างความท้าทายในการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ CrossFit หรือแม้กระทั่งขณะวิ่ง ด้วยความหวังว่าจะช่วยเพิ่มสมรรถภาพให้ร่างกายแข็งแรง และการวิจัยสนับสนุนผลประโยชน์ของพวกเขา ตัวอย่างเช่น งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่านักวิ่งที่สวมเสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักใช้ออกซิเจนซึ่งเป็นเครื่องหมายของความฟิตมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้ ผู้เข้าร่วมได้รับเสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนัก (9 กก. สำหรับผู้ชาย และ 6 กก. สำหรับผู้หญิง) และได้รับคำสั่งให้วิ่งเหยาะๆ

ด้วยความหนักเพียงครึ่งหนึ่งที่ทำได้ นอกเหนือจากการใช้ออกซิเจนมากขึ้นแล้ว กลุ่มเสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักยังมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงกว่าและเผาผลาญแคลอรีได้มากกว่า ผู้ชายที่สวมเสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักขณะวิ่งยังเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตได้มากขึ้นด้วย

ผลลัพธ์เหล่านี้หมายความว่าคนที่วิ่งด้วยเสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักอาจฟิตขึ้นได้เร็วกว่า และอาจจะเผาผลาญไขมันในร่างกายได้มากขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องฟิตพอที่จะออกกำลังกายที่ท้าทายประเภทนี้และดูผลลัพธ์ประเภทนี้เสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักยังสามารถช่วยเพิ่มความเข้มข้นในระหว่างการออกกำลังกายด้วยแรงต้าน

งานวิจัยชิ้นหนึ่งเปรียบเทียบผลของการสวมเสื้อกั๊กแบบถ่วงน้ำหนักกับผู้เข้าร่วมที่เข้าร่วมโปรแกรมการฝึกแบบทหารหกสัปดาห์ ผู้เข้าร่วมเสร็จสิ้นการฝึกประเภทต่างๆ รวมถึงการวิ่งและการเพาะกาย (ประเภทของการฝึกด้วยแรงต้านที่ใช้การออกกำลังกายแบบน้ำหนักตัวเพื่อสร้างความแข็งแรง)

นักวิจัยพบว่าผู้เข้าร่วมที่สวมเสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเกือบ 4% ในการเดินบนลู่วิ่งขึ้นเนิน เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่สวมเสื้อกั๊ก พวกเขายังมีปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายใช้ระหว่างออกกำลังกายเพิ่มขึ้นเกือบ 4% อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงมาตรการบริหารร่างกาย (การวิดพื้นและซิทอัพ)

มีความคล้ายคลึงกันทั้งในกลุ่มที่สวมเสื้อกั๊กและกลุ่มที่ไม่สวมเสื้อกั๊ก ไม่ชัดเจนว่าทำไมทั้งสองกลุ่มจึงมีความแตกต่างกันเล็กน้อย

เสื้อถ่วงน้ำหนักยังมีประโยชน์ในระหว่างการออกกำลังกายที่ไม่รุนแรง การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าเมื่อผู้ชายสวมเสื้อกั๊กน้ำหนัก 9 กก. ขณะเดินขึ้นเขาเป็นเวลา 10 นาที อัตราการเต้นของหัวใจจะเพิ่มขึ้นอีก 10 ครั้งต่อนาที ซึ่งเป็นสัญญาณว่าร่างกายทำงานหนักขึ้น พวกเขายังเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น 6% ในขณะที่สวมเสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักเมื่อเทียบกับตอนที่ไม่สวม

ดังนั้นการทำสิ่งง่ายๆ อย่างการใส่เสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักในการพาสุนัขเดินเล่นทุกวันอาจมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพร่างกายของคุณ รวมถึงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดและระบบเผาผลาญ แม้ว่าเราจะยังไม่มีหลักฐานมากนักว่าเสื้อกั๊กแบบถ่วงน้ำหนักช่วยเพิ่มความสามารถในการเพิ่มกล้ามเนื้อหรือไม่

แต่เรารู้ว่าการสวมใส่มันมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ เรายังไม่มีการวิจัยมากนักเกี่ยวกับผู้เข้าร่วมที่มีอายุมากกว่า และการศึกษาใดบ้างที่เราใช้น้ำหนักที่เบากว่า (1-5 กก.) ซึ่งอาจไม่มีผลกระทบ จะมีความสำคัญสำหรับการวิจัยเพิ่มเติมซึ่งพิจารณาว่าเสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักอาจเป็นประโยชน์ต่อคนกลุ่มต่างๆ ได้

ได้รับการสนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังราคาถูก

เรื่องราวที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้  เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับยาสมุนไพรแน่นอนเราทราบว่า สมุนไพรไทยนั้นมีอยู่มากมายหลากหลายชนิด โดยแต่ละชนิดก็มีสรรพคุณในการรักษาโรคที่ต่างกันออกไปอีกด้วย ซึ่งในวันนี้สมุนไพรไทยที่เรากำลังจะพูดถึง 

ที่นำมาใช้ในการรักษาโรคก็คงจะหนีไม่พ้นตัวยาสำคัญอย่างฟ้าทะลายโจร  ที่มันถูกเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมาก สำหรับในยุคปัจจุบันและสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงเป็นวิธีการใช้ฟ้าทะลายโจรอย่างถูกต้องนั่นเอง 

วิธีการใช้ฟ้าทะลายโจรอย่างถูกต้อง เป็นที่ทราบกันอย่างดี เกี่ยวกับการเกิดภาวะโรคระบาด ที่เป็นภัยที่ร้ายแรงเทียบเท่า ภาวะสงครามโลก

ที่มีผู้คนล้มตาย รวมทุกประเทศเป็นหลายล้านคน และมีภาวะติดเชื้อและอยู่ในการรักษาของสถานพยาบาลอีกหลายล้าน คนเช่นกัน เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนาที่มีการแพร่ระบาดมาตั้งแต่ปลายปี 2019

จนมาถึงในยุคปัจจุบันนี้  สถานการณ์ก็ยังคงมีความยากอยู่ถึงแม้ว่าโควิด 19 ในปัจจุบัน จะไม่ได้มีความร้ายแรงจนทำให้ผู้ที่ติดเชื้อนั้นตายเป็นจำนวนมาก แต่ทว่าเมื่อหายจากการติดเชื้อแล้ว  ทางการแพทย์

ระบุว่า ปลอดของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ก็ไม่ได้มีคุณภาพเท่าเดิมและสิ่งที่เรากำลังพูดถึงในวันนี้  เป็นสมุนไพรที่เรานำมาใช้ในการรักษา covid 19 ซึ่งมันก็คือสมุนไพร ชนิดหนึ่งนั่นเอง

และจะมาพูดถึงวิธีการใช้ฟ้าทะลายโจรอย่างถูกต้อง  การใช้ฟ้าทะลายโจร ถ้าเป็นการกินเพื่อป้องกันควรกินวันละ 1 แคปซูล หรือ 5 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 3 เดือน จะช่วยลดการเป็นหวัดลง 2 เท่า หรือหากต้องการกินแก้ไข้ ไอเจ็บคอ ในผู้ใหญ่ ควรกินวันละ 3 แคปซูล เด็กควรกินครั้งละ 2 แคปซูล หลังอาหาร   3 มื้อแต่ไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 7 วัน

แต่หากมีไข้สูง ไอเหนื่อยหอบ และมีประวัติเดินทางจากพื้นที่เสี่ยงควรพบแพทย์ เพื่อคัดกรองก่อนใช้ยาฟ้าทะลายโจร  ฟ้าทะลายโจรนั้นมีวิธีการใช้มากมายหลากหลายรูปแบบ 

มันก็สามารถรักษาได้หลายๆโรคด้วยเช่นเดียวกัน  และแน่นอนว่าถึงแม้ฟ้าทะลายโจรจะ  มีสรรพคุณในการรักษาโรคต่างๆมากมายแค่ไหน  แต่มันก็ยังมีข้อควรระวังในการใช้ฟ้าทะลายโจร แน่นอนขึ้นชื่อว่ายา  เราไม่ควรที่จะใช้มากหรือว่าน้อยเกินไป 

ควรใช้ให้เหมาะกับโรคที่เราเป็นใช้ในปริมาณที่เหมาะสม  มันถึงจะเกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุด  และแน่นอนว่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับฟ้าทะลายโจรยังมีอะไรมากมายที่น่าสนใจ ที่เรายังไม่ได้พูดถึงแน่นอนถ้าคุณอยากจะรู้อะไรเกี่ยวกับฟ้าทะลายโจรอีก  ก็ลองศึกษาค้นหาข้อมูลดูได้ผ่านอินเตอร์เน็ต

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

วิ่งแล้วทำไมยังมีพุง ปัจจุบันนี้อย่างที่เราทราบกันเป็นอย่างดีว่า กีฬาทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นทางด้านไหนก็ตาม ก็สามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแรงได้ แถมยังมีประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายของเราได้เป็นอย่างมากอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในกีฬา หรือการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

นั้นก็คือ การวิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมยามว่างที่มีประโยชน์แก่ร่างกายของเราเป็นอย่างมาก แถมยังช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่หันมากวิ่งกันมากขึ้น เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี และเพื่อช่วยในการลดน้ำหนักนั่นเอง

แต่ทว่าก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังคงเป็นกังวลเรื่องของการวิ่งเพื่อลดน้ำหนัก เพราะไม่ว่าจะวิ่งแค่ไหนน้ำหนักก็ยังคงอยู่ที่เดิม แถมพุงก็ยังไม่ลดอีกด้วย เป็นเพราะอะไรกันนะ วันนี้เรามีคำตอบค่ะ ซึ่งก็เป็นเหตุผลง่าย ๆ ไปดูกันเลย 

การเลือกทานอาหารผิด แน่นอนว่าการเลือกรับประทานอาหารควบคู่ไปกับการวิ่ง ถือเป็นส่วนหนึ่งที่อาจส่งดีต่อร่างกาย หรืออาจช่วยให้การลดน้ำหนักของเรานั้นเป็นผลดี และมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็ได้ ดังนั้น เหตุผลที่หลาย ๆ คนมีความสงสัยกันว่าทำไมเราวิ่งเป็นประจำแล้วยังมีพุง ก็อาจจะเป็นเพราะว่าคุณเลือกรับประทานอาหารผิดประเภทนั่นเอง เพราะนี่ถือเป็นสาเหตุใหญ่ที่ส่งผลให้เรามีพุง ฉะนั้น  สำหรับใครที่อยากวิ่งเพื่อลดน้ำหนักให้ได้ประสิทธิภาพ ก็ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่ไปด้วย 

เครียดมากเกินไป ความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้การลดน้ำหนักของเรานั้นไม่เป็นผล ยิ่งถ้าเรามีความเครียดมาก ๆ ก็จะยิ่งทำให้ไขมันไปพักอยู่ที่ช่อท้องมากขึ้น ทำให้เรามีพุง และไม่ว่าจะออกกำลังกายมากแค่ไหน หรือวิ่งมากแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถลดพุงนั่นเอง ดังนั้น หากต้องการลดพุงจริง ๆ ก็ไม่ควรที่จะไปเครียด ยิ่งถ้าเป็นการวิ่งเราควรสนุกไปกับมันให้มาก ๆ จะยิ่งช่วยให้การลดพุงของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ออกกำลังกายผิดประเภท สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องของการมีพุง และคิดว่าการวิ่งนั้นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยในการลดพุงได้ ซึ่งขอบอกก่อนเลยว่าร่างกายของคนเราแต่ละคนนั้นค่อนข้างที่จะมีความแตกต่างกันออกไป บางคนวิ่งแค่ไม่กี่วันก็สามารถช่วยลดพุงได้แล้ว แต่กลับอีกคนที่ไม่ว่าจะวิ่งแค่ไหนก็ไม่สามารถลดพุงลงได้ ดังนั้น อาจจะเป็นไปได้ว่าคุณเลือกการออกกำลังกายผิดวิธี เพราะการวิ่งอาจจะไม่ใช่ประเภทที่สามารถช่วยลดพุงสำหรับคุณได้ ฉะนั้น ลองปรับเปลี่ยนการออกกำลังกายไม่แน่อาจช่วยลดพุงของคุณได้

ได้รับการสนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

อาการของเส้นโลหิตตีบหลายเส้น ผู้ที่เป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (MS) อาจมีอาการมากมาย ในแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามประเภท ความรุนแรง และความก้าวหน้า บางคนมีอาการเพียงเล็กน้อยในขณะที่บางคนมีอาการที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตประจำวันของพวกเขา

หลายเส้นโลหิตตีบคืออะไร MS เป็นภาวะสุขภาพเรื้อรังที่ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) CNS ของคุณประกอบด้วยสมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาทตา ในกรณีของ MS ระบบภูมิคุ้มกันของคุณจะโจมตีปลอกไมอีลินของคุณ นี่คือชั้นที่ปกป้องเส้นประสาทของคุณและช่วยส่งกระแสประสาท การพังทลายของไมอีลินนี้จะขัดขวางหรือขัดขวางการส่งสัญญาณไฟฟ้าที่เคลื่อนที่ไปตามเส้นประสาทของคุณ ซึ่งจะทำให้การสื่อสารระหว่างสมองและร่างกายของคุณช้าลง ความเสียหายของเส้นประสาทก็เกิดขึ้นเช่นกัน อาการของ MS อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเส้นประสาทที่ได้รับผลกระทบและความเสียหายของเส้นประสาทเท่าใด

กลุ่มอาการทางคลินิกแยก (CIS) นี่เป็นอาการทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นครั้งแรก เช่น ชาและรู้สึกเสียวซ่าที่ขา นี่อาจเป็นครั้งเดียวที่คุณจะมีอาการ MS สำหรับโรคที่จะวินิจฉัยได้ คุณต้องมีอาการมากกว่า 1 ตอน จักษุประสาทอักเสบ นี่คือเมื่อหนึ่งหรือทั้งสองเส้นประสาทตาอักเสบ เส้นประสาทเหล่านี้บอกสมองของคุณว่าดวงตาของคุณมองเห็นอะไร การมองเห็นของคุณอาจพร่ามัวหรือมีหมอก และการรับรู้สีของคุณอาจดูไม่สดใส ดวงตาของคุณอาจเจ็บเมื่อขยับ อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นหลังจากผ่านไปสองสามสัปดาห์ถึงประมาณหนึ่งเดือน

อาการทั่วไปของ MS มีอะไรบ้าง ในขณะที่โรคดำเนินไป อาการของ MS ในระยะเริ่มต้นอาจกลับมาและอาจมีอาการใหม่ อาการ MS อาจรวมถึงปัญหาการมองเห็น เช่น โรคประสาทอักเสบตา, ภาพซ้อน (การมองเห็นสองครั้ง), อาตา (การเคลื่อนไหวของดวงตาโดยไม่สมัครใจ) หรือตาบอด ปัญหาการเดินเนื่องจากปัญหาการมองเห็น การทรงตัวหรือการเดิน กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตึง ชา หรือกระตุก

Dysarthria ภาวะที่เกิดจากแผลในสมองซึ่งทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น พูดไม่ชัด การเปลี่ยนแปลงของปริมาณการพูดและการ “สแกน” หรือการค้นหาคำเมื่อคุณพูด ซึ่งจะมีการหยุดยาวระหว่างพยางค์และคำพูด คุณอาจมี ปัญหากระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ ปัญหาทางปัญญา เช่น ปัญหาเกี่ยวกับความจำ การจดจ่อ หรือการแก้ปัญหา Dysesthesia หรือที่เรียกว่า MS Hug เพราะมันทำให้เกิดความรู้สึกบีบตัวรอบลำตัวของคุณ ปวดหรือคัน ปัญหาทางเพศ ปัญหาการนอนหลับ กลืนหรือเคี้ยวลำบาก อาการสั่น

การลุกเป็นไฟของ MS (เรียกอีกอย่างว่าอาการกำเริบหรือการโจมตี) สามารถอยู่ได้นานหลายวันถึงหลายเดือนในแต่ละครั้งตามด้วยระยะเวลาของการให้อภัยเมื่อมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย อาการ MS แตกต่างกันในผู้สูงอายุหรือไม่ MS ที่เริ่มมีอาการช้า (LOMS) คือเมื่อสัญญาณและอาการของโรคแรกปรากฏขึ้นในผู้สูงอายุ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังจากอายุ 50 ปี อาการ LOMS มักจะเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับ MS ที่เริ่มมีอาการปกติโดยมีความแตกต่างเล็กน้อย ความพิการมีแนวโน้มที่จะก้าวหน้าเร็วขึ้น อาจเกิดการลุกเป็นไฟน้อยลง อาการอาจเกิดขึ้นบ่อยขึ้น ปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น ประสาทสัมผัส และการเคลื่อนไหวเป็นอาการสำคัญ

สนับสนุนเน้ือหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก