สุขภาพที่ดีเริ่มจากอะไร วิธีดูแลสุขภาพง่ายๆ ที่ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

อย่างแรกที่นายจ้างจำเป็นต้องทำเมื่อถูกทิ้งงานเป็น การตรวจตราสัญญาว่าจ้างที่ตกลงกันไว้ เพื่อมองว่าต่างข้างต่างทำอะไรที่ตรงข้ามคำสัญญาหรือเปล่า แล้วก็มีการตกลงข้อแม้การทำงานไว้ว่าอย่างไรบ้าง การรู้เรื่องสัญญาว่าจ้างอย่างชัดเจนนั้นจะมีสาระอย่างใหญ่โตสำหรับเพื่อการสนทนา สัญญาว่าจ้างก็เลยเป็นความต้องการอย่างมากเมื่อคิดจะว่าจ้างคนไหนกันมาก่อสร้างบ้านให้

– สำรวจการเบิกชำระเงิน นายจ้างจำต้องตรวจทานเงินทั้งผองที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเบิกจ่ายไป เปรียบเทียบกับการก่อสร้างที่ทำไปแล้ว ว่ามีความเกี่ยวเนื่องสอดคล้องต้องกันไหม มีการถอนเงินเกินจากงานที่แล้วเสร็จไป ๆ มาก ๆ น้อยเท่าใด แต่ว่าหากว่าเงินที่จ่ายไปใกล้เคียงกับงานที่ทำไปแล้ว ผู้รับเหมาก่อสร้างก็อาจมีเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่การตั้งอกตั้งใจทุจริตหรือการขาดสภาพคล่องแล้วทิ้งงาน

 

– นัดหมายไกล่เกลี่ยสนทนาหาทางออก การสนทนาเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับเพื่อการแก้ปัญหา ซึ่งปัญหาที่นายจ้างไม่เคยฟังมาก่อน หรือมีปัญหาอื่นที่อาจจะก่อให้จะต้องพักงาน การเจราจากันด้วยเหตุผลที่ทำให้รู้เรื่องอีกข้างก็เลยบางทีอาจช่วยหาทางออกที่ยอดเยี่ยมให้แก่ทั้งสองฝ่ายได้ หรืออย่างต่ำก็ช่วยทำให้รู้ถึงสิ่งที่ทำให้เกิดการทิ้งงานในการกำหนดแผนการแก้ไขปัญหาในขั้นถัดไป

 

– ร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐ ถ้าหากการไกล่เกลี่ยไม่เป็นผล หรือว่าผู้รับเหมาจงใจไม่ทำงาน และก็นายจ้างแน่ใจว่าผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นผู้ทำผิดข้อตกลง นายจ้างสามารถร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐ ดังเช่นว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) แล้วก็/หรือฟ้องศาลให้ฟ้องร้องคดีลูกค้า หรือถ้าเกิดยังไม่เคยทราบจะเริ่มยังไง ก็ขอให้นำคำสัญญาไปแจ้งเหตุต่อตำรวจไว้ก่อน

 

วิธีการป้องกันผู้รับเหมาก่อสร้างไม่เข้าทำงานจะต้องเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างดีๆ

นายจ้างควรจะมองหาผู้รับเหมาก่อสร้างเพิ่มเติมบ้าน ผู้รับเหมาก่อสร้างตกแต่ง และก็ผู้รับเหมาก่อสร้างงานต่างๆที่มีประวัติการทำงานดี เสนอราคาอย่างเป็นมาตรฐาน แล้วก็ชี้แนะนายจ้างได้อย่างผู้ที่มีประสบการณ์ ซึ่งนายจ้างสามารถมองหาผู้รับเหมาก่อสร้างที่ดีได้ไม่ยากจากการดูแบบอย่างการก่อสร้างของเพื่อนบ้าน หรือว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างในลักษณะของบริษัท ฯลฯ

 

– จะต้องมีสัญญาว่าจ้างที่กระจ่าง เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดที่สามารถจะช่วยลดช่องทางไม่ให้เจอกับผู้รับเหมาก่อสร้างทิ้งงาน โดยสัญญาว่าจ้างต้องแจ่มชัดถึงขอบเขตงาน ช่วงเวลาการก่อสร้าง ตารางมอบ ราคาค่าก่อสร้าง การรับรองผลงาน เงื่อนไขในการจ่ายเงิน รวมทั้งข้อตกลงการบอกเลิกคำสัญญา โดยทั้งสิ้นจะต้องตั้งอยู่บนรากฐานของความเที่ยงธรรมทั้งสองฝ่าย

 

– ควรมีใบแสดงรายการอุปกรณ์ การรับเหมาก่อสร้างที่โปร่งใสนั้นเป็น กระบวนการทำเนื้อหาค่าใช้สอยสิ่งของแล้วก็ค่าจ้างอย่างเห็นได้ชัด แล้วแจ้งให้นายจ้างรู้เป็นลายลักษณ์อักษร หรือที่เรียกกันโดยธรรมดาว่า BOQ ซึ่งเป็นเอกสารที่ช่วยคุ้มครองป้องกันไม่ให้ผู้รับเหมาก่อสร้างถอนเงินเกินความก้าวหน้างาน หรือฟันราคานายจ้างกระทั่งเกินความพอดี

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย   คาสิโนเวียดนาม

การแต่งหน้ามีความสัมพันธ์กับการเกิดสิวได้แต่ไม่ใช่สาเหตุที่เดียว การแต่งหน้าอาจมีบทบาทในการทำให้เกิดสิวขึ้นโดยมีหลายปัจจัยที่มีผลร่วมกัน เช่น

1.การใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมที่ทำให้ติดเชื้อ: บางครั้งผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับประเภทผิวหรือมีส่วนผสมที่อาจทำให้ติดเชื้อ อาจส่งผลให้เกิดสิวขึ้นได้

2.การทำความสะอาดหน้าไม่ถูกต้อง: การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าที่ไม่เหมาะสมหรือการไม่ล้างหน้าให้สะอาดอย่างเพียงพออาจทำให้สิวเกิดขึ้นได้

3.การปิดทองหน้าอย่างมาก: การปิดทองหน้าอาจทำให้เกิดความดันบนผิวหนังและส่งผลให้เกิดสิวได้

4.การเริ่มต้นใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่: เปลี่ยนผลิตภัณฑ์หรือการเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่อาจทำให้เกิดการตอบสนองที่ผิวหนังและเป็นสาเหตุให้เกิดสิว

5.การใช้เครื่องมือทำความสะอาดหน้าไม่ถูกต้อง: การใช้เครื่องมือทำความสะอาดหน้าอาจทำให้เกิดการทำลายบริเวณผิวหนังและเป็นเหตุให้เกิดสิว

6.การมีพื้นที่ที่มีการเกิดความร้อนและความชื้นสูง: การติดเชื้อที่เกิดจากการมีพื้นที่ที่มีความร้อนและความชื้นสูงอาจทำให้เกิดสิวได้

7.ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับระบบฮอร์โมน: ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับระบบฮอร์โมน เช่น การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนที่เกิดขึ้นในระหว่างวัยรุ่น อาจเป็นส่วนที่มีผลต่อการเกิดสิว

การแต่งหน้าไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวแต่อาจเป็นปัจจัยที่มีส่วนร่วมในกระบวนการเกิดสิวได้ การดูแลผิวหน้าด้วยวิธีที่ถูกต้องและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทผิวอาจช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวได้บ้าง แต่ควรทราบว่าสิวมักเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการและไม่ได้มีสาเหตุเดียวเท่านั้น

 

แต่งหน้าทุกวันเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเป็นสิว ใช่หรือไม่

การแต่งหน้าทุกวันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้ แต่ไม่ใช่สาเหตุเดียวที่เป็นเหตุให้เกิดสิว มีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผลร่วมกันเช่นการดูแลผิวหน้าอย่างไม่ถูกต้อง, สภาพแวดล้อม, และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับระบบฮอร์โมน เป็นต้น

การแต่งหน้าทุกวันอาจทำให้เกิดสิวได้เนื่องจาก

1.การใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ถูกต้อง: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับประเภทผิวหรือที่มีส่วนผสมที่ทำให้ติดเชื้ออาจทำให้เกิดสิวได้

2.การปกปิดหน้า: การใช้เครื่องสำอางมากเกินไปหรือการปกปิดหน้าอาจทำให้เกิดการความดันบนผิวหนังและเป็นสาเหตุให้เกิดสิวได้

3.การละเลยการทำความสะอาด: การล้างหน้าไม่สะอาดหรือการละเลยการทำความสะอาดหน้าก่อนแต่งหน้าอาจทำให้เกิดสิวได้

4.การใช้เครื่องมือทำความสะอาดหน้าไม่ถูกต้อง: การใช้เครื่องมือทำความสะอาดหน้าอาจทำให้เกิดการทำลายบริเวณผิวหนังและเป็นเหตุให้เกิดสิว

5.การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมัน: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันมากเกินไปอาจทำให้เส้นสิวต่างๆ อุดตันและเกิดสิวได้

 

การแต่งหน้าทุกวันไม่จำเป็นต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว แต่ควรใส่ใจในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และวิธีการแต่งหน้าอย่างระมัดระวัง เพื่อลดโอกาสในการเกิดสิวได้ และอาจจำเป็นต้องใช้เวลาพักผ่อนผิวหน้าเพื่อให้ผิวหน้าสามารถฟื้นตัวและป้องกันการเกิดสิวได้ดีขึ้น

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    วิธีดูแลและรักษาหู

ตึกที่พักเป็นเยี่ยมในปัจจัยเบื้องต้นสำคัญของคนเรา ในสมัยก่อนถ้าหากจะเอ่ยถึงบ้านใชัพลังงานน้อยลง ก็อาจเป็นเรือนไทยที่ได้ก่อสร้างรวมทั้งวางตัวบ้านใต้ถุนยกสูง ให้คล้ายคลึงตำแหน่งที่ตั้งไทย อากาศ ไม่ว่าจะเป็น หลบแดด รับลม ได้แสงสว่างธรรมชาติครั้งพอเพียง ลักษณะบ้านโปร่ง โล่งเตียน วางเรือนแยกเป็นข้างหลัง ๆ มีระเบียงเป็นตัวเชื่อม

แต่ว่าจะด้วยความรุ่งเรืองเติบโตของเมือง การแข่งขันชิงชัยในเชิงธุรกิจที่ร้ายแรง อาจส่งผลให้การออกแบบหรือการปลูกสร้างบ้านในตอนนี้ลืมคิดไปว่าเมืองไทยตั้งอยู่ในอากาศร้อนเปียกชื้น

ด้วยเหตุนั้น การออกแบบที่ไม่เหมาะสม การใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งการกระทำการพำนักที่ไม่สอดคล้องกับเมืองที่มีอากาศร้อน ทำให้จะต้องพึ่งแอร์ด้านในภายบ้าน ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองพลังงาน และก็ทำให้ภาระหน้าที่ค่าใช้สอยสูงมากขึ้น

 

ในฐานะที่อยู่ในวงการการก่อสร้างบ้าน วันนี้ขอแชร์ประสบการณ์ สำหรับใครก้ตามที่อยากจะได้นำไปดัดแปลง

สำหรับเพื่อการก่อสร้างบ้านรวมทั้งปรับปรุงแก้ไขบ้านถึง บ้านลดการใช้พลังงานที่เจ้าของบ้านโดยปกติสามารถที่จะก่อสร้างเพื่ออาศัยได้นั้นมีอยู่ 2 หนทาง เป็นทางแรก บ้านที่ใช้พลังงานต่ำที่สุด และก็ วิถีทางลำดับที่สองหนทางที่ปรับปรุงขึ้นด้วยเทคโนโลยี แล้วก็ใช้พลังงานให้มีคุณภาพเยอะที่สุด

 

ทางแรกใช้พลังงานน้อยที่สุด ในเรื่องที่มีพื้นที่ที่จะปลูกเรือนออกจะใหญ่ สามารถที่จะดีไซน์แล้วก็ก่อสร้างบ้านในสไตล์เรือนไทยโบราณได้

ด้วยการออกแบบบ้านให้โล่ง เตียน อุปกรณ์ที่ใช้จะต้องเป็นสิ่งของธรรมชาติ ไม่ทึบ ก็เลยไม่อมความร้อน ส่วนหลังคา ก็จะต้องมีชายคาที่ยื่นยาวออกมาเพื่อคุ้มครองป้องกันฝนและก็แดดไม่ให้ตกมากมายกระทบกับฝาผนังหรือส่องผ่านหน้าต่างเขามาในตัวบ้าน ซึ่งก็สามารถที่จะช่วยให้ปกป้องความร้อนเราตัวบ้าน

อีกอย่างที่ไม่ได้ทำยากนั่นเป็น การอาศัยธรรมชาติบริเวณตัวบ้าน ด้วยปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา มีแหล่งน้ำเพื่อช่วยลดความร้อน

ซึ่งถ้าเกิดมีการวางแบบตัวบ้านที่ดี มีบรรยากาศแล้วก็สิ่งแวดล้อมที่ดี พลังงาน (กระแสไฟฟ้า) ที่ใช้เพื่อสำหรับในการพักอาศัยก็จะลดลง พูดอีกนัยหนึ่ง จะใช้กระแสไฟฟ้าเท่าที่มีความจำเป็น

 

หนทางลำดับที่สองใช้พลังงานให้มีคุณภาพ เมื่อสิ่งแวดล้อมในบางพื้นที่บางทำเลที่ตั้งแปรไป เมืองมีการขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ พื้นที่โล่งเตียนเหลือน้อยหรือพื้นที่ที่จะก่อสร้างบ้านมีจำกัด มีแม้กระนั้นอาคารขึ้นมาสร้างความแออัดคับแคบในพื้นที่รับลมไม่มี มีแม้กระนั้นฝุ่นผงรวมทั้งควันรถยนต์

ทำให้จำต้องปิดหน้าต่างแล้วหันมาเปิดเครื่องปรับอากาศ เครื่องปรับอากาศแทน เมื่อสิ่งแวดล้อมไม่อำนวย ด้วยเหตุผลดังกล่าว บ้านที่วางแบบจะต้องไม่ให้มีการรั่วซึมของอากาศ

หรือถ้าหากจะมีการรั่วซึมก็ให้มีน้อยที่สุด เลือกใช้อุปกรณ์ที่ช่วยคุ้มครองความร้อนไม่ให้ไปสู่ในบ้าน ดังเช่นว่า ใช้ฉนวนกันความร้อน หรือ ใช้กระจกที่มีคุณลักษณะกันความร้อน หรือกระจกตัดแสงสว่างเพื่อใช้พลังงานได้อย่างมีคุณภาพ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    บัตรทองเบิกเครื่องช่วยฟังได้ไหม

หลายคนมักต้องการสัตว์เลี้ยงมาเป็นเพื่อนหรือมาอยู่ด้วยแต่การจะเลือกสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิดหรือไม่รู้ว่าฉันเลือกอะไรไม่รู้ว่าต้องดูยังไงให้มันเข้ากับหลายสไตล์ของเราก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกสัตว์เลี้ยงอะไรมาอยากให้คุณมาอ่านบทความของเราเสียก่อนเพราะเรามีเคล็ดลับในการคิดและเลือกมาฝาก

 

สัตว์เลี้ยงแต่ละชนิดมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไปคุณควรที่จะดูพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นว่าคุณชอบไหมเป็นไปทางเดียวกันกับคุณหรือเปล่าถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบสัตว์เลี้ยงที่ไม่ซุกซนก็อาจจะต้องเลือกแมวแต่ถ้าชอบสัตว์เลี้ยงที่เล่นสนุกและซุกซนขี้เล่นก็อาจจะไปเลือกเป็นสุนัข

แนวทางการเลือกและวิธีการคิดสามารถดูได้ดังนี้

1.ความพร้อมของผู้เลี้ยง

คุณมีความพร้อมที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นมากน้อยเพียงใดยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณเลี้ยงปลาคุณจำเป็นที่จะต้องให้อาหารมันทุกวันและจะต้องมีเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำอยู่บ่อยครั้งไม่งั้นปาของคุณอาจจะตายได้ เหมือนกับสัตว์เลี้ยงอื่นๆถึงแม้ว่าสุนัขหรือแมวจะไม่ต้องการการดูแลมากขนาดนั้นแต่พวกเขาก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่อยู่ดีคุณมีเวลาเหล่านั้นหรือเปล่าถ้าไม่มีแต่อยากเลี้ยงสัตว์เลี้ยงก็ควรเลือกเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ไม่ต้องดูแลเอาใจใส่มากนัก

 

2.การศึกษาของประเภทของสัตว์เลี้ยง

คุณจำเป็นที่จะต้องศึกษานิสัยใจคอของสัตว์เลี้ยงที่คุณอยากจะนำมาเลี้ยงเสียก่อนว่านิสัยใจคอของเค้านั้นคุณชอบหรือไม่ลักษณะของสัตว์เลี้ยงจะแตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือแมวก็จะมีนิสัยไม่เหมือนกันเลยดังนั้นคุณจะต้องชอบประเภทและลักษณะของการกระทำการดูแลสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณควรจะเลือกสัตว์ประเภทไหน

 

3. ค่าใช้จ่ายต่างๆ

ว่าจะเลือกเลี้ยงอะไรก็ตามคุณจะต้องมีค่าใช้จ่ายการดูแลที่ตามมาอย่างมากมายยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณมีสุนัขหนึ่งตัวคุณก็จะต้องมีอาหารจะต้องอาบน้ำจะต้องมีของเล่นให้กับสุนัขของคุณ หรือถ้าคุณเลี้ยงหลายตัวการดูแลเหล่านี้ก็จะมากขึ้นไปนี่ยังไม่รวมกับการต้องพาไปฉีดวัคซีนหรือการเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยนะ

 

4.อายุของสัตว์เลี้ยง

ไม่ว่าจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงชนิดใดก็แล้วแต่อายุของสัตว์เลี้ยงไม่ได้ยาวเหมือนอายุของคนคุณจะต้องทำใจเรื่องตรงนี้ไว้เพราะถ้าคุณเป็นคนที่รักสัตว์เลี้ยงของคุณมากคุณจะต้องรู้ว่าประเภทของสัตว์เลี้ยงของคุณนั้นจะมีอายุได้แค่ไหนต้องทำใจเรื่องนี้และรับมือกับมันให้ได้

 

5.ที่อยู่อาศัย

แม้ว่าคุณจะเลี้ยงสัตว์อะไรก็ตามที่อยู่ก็ยังจำเป็นสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณอยู่ดีต่อให้คุณมีบ้านการดูแลเอาใจใส่ถ้าปล่อยไว้นอกบ้านอาจจะส่งเสียงรบกวนเพื่อนบ้านได้ดังนั้นการเลือกสัตว์เลี้ยงที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหากับที่อยู่ของคุณก็ถือว่าเป็นปัจจัยหลักอย่างนึงนะ

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังซื้อมาใส่เองได้ไหม

ไม่ใช่ว่าเนื้อหมูจะอยู่ข้างนอกตู้เย็นได้นานนะดังนั้นการนำเข้าตู้เย็นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะมันจะทำให้อุณหภูมิของเนื้อหมูไม่เปลี่ยนแปลงและอาจเนื้อหมูจะไม่เสียการทิ้งออกไว้ข้างนอกตู้เย็นเป็นเวลานานเกิน 4 ชั่วโมงจะทำให้เนื้อหมูของคุณมีเชื้อโรคและเกิดอาการเน่าเสียตามมาได้

 

วิธีการดูก่อนที่จะนำมารับประทานนั้นก็คือคุณควรที่จะเช็ควันผลิตและวันหมดอายุก่อนที่คุณจะนำมาทางหรืออย่างน้อยเนื้อหมูของคุณก็ต้องอยู่ในสภาพที่เป็นปกติไม่เละหรือไม่มีกลิ่นและไม่มีสีอื่นอื่นเจือปน เนื้อหมูมาแล้วก็ควรที่จะเก็บไว้แต่ไม่ควรแช่นานจนเกินไปถึงแม้ว่าคุณจะแช่มันแบบถูกวิธีก็ตามแต่การเก็บเนื้อหมูเป็นเวลานานเกินไปก็อาจจะส่งผลทำให้เนื้อหมูหมดอายุได้เช่นกันถึงแม้ว่ามันจะไม่มีกลิ่นก็ตาม

 

การเก็บรักษาเนื้อหมูเพื่อให้เราใช้มันได้ระยะเวลานาน

1.เนื้อหมูสด

เป็นเนื้อหมูที่เราซื้อมาสดๆโดยซื้อมาจากตลาดเนื้อหมูเหล่านี้เราจะต้องเก็บรักสาอุณหภูมิภายในตู้เย็นให้ได้ความเย็นพี่พอดีควรปิดฝาให้มิดชิดและควรนำมารับประทานก่อนที่จะหมดอายุโดยนับจากวันที่ซื้อประมาณสองถึงสามวันไม่เกิน

 2.การเลือกซื้อหมูที่แช่มาแล้ว

การช้อปปิ้งในห้างจะส่งผลเห็นว่าหมูมีหลากหลายชนิดด้วยกันและพวกเขาจากเก็บรักษาในอุณหภูมิที่มีความเย็นดังนั้นเนื้อหมูเหล่านี้จะสามารถนำไปใช้ได้แต่คุณก็ควรที่จะเก็บรักษาในอุณหภูมิที่มีความเย็นในระดับเดียวกันต่อไปไม่ควรที่จะเอาออกมาไว้นอกความเย็น

แม้ว่าหมูที่แช่มาแล้วจะอยู่ในองศาที่แหละมันกำหนดก็ตามแต่การที่เราใช้ไม่หมดภายในห้าวันก็ยังถือว่าสารที่เราจะได้รับอาจจะไม่เหลือก็ได้

 3.ควรรับประทานหมูที่หมดอายุ

ที่คุณซื้อหมูมาแล้วมีวันที่ระบุว่าวันหมดอายุเท่าไหร่ถึงแม้ว่าคุณจะเก็บไว้ในตู้เย็นนานพอที่มันจะไม่เกิดการเสียหายก็ตามแต่ถ้าถึงเวลาที่มันกำหนดว่าหมดอายุแล้วก็ไม่ควรที่จะนำมาใช้ต่อเพราะอาจจะทำให้คุณท้องเสียหรืออาจจะทำให้คุณปวดท้องได้

 

เนื้อหมูดูไม่ยากว่าจะเสียหรือไม่เสียอันดับแรกให้เช็คที่กลิ่นทักกลิ่นของหมูอยู่ในกลิ่นปกติก็ให้มาสังเกตที่สีของหมูถ้าสีเนื้อของหมูนั้นมีสีคล้ำหรือสีม่วงเป็นจุดๆเขียวเป็นจุด ไม่ควรจะเสียดายควรที่จะทิ้งไปเลย เพราะการนำมาประกอบอาหารต่ออาจจะทำให้คุณมีปัญหาอื่นๆตามมาได้

อย่างไรก็ดีการเก็บใส่กล่องแล้วนำไปใส่แช่ไว้ในตู้เย็นในอุณหภูมิที่เหมาะสมก็ยังสามารถช่วยทำให้คุณยืดอายุการใช้งานของหมูได้นานยิ่งขึ้นสำหรับบุคคลที่ไม่สามารถไปตลาดได้ทุกวันสามารถเอาวิธีนี้ไปใช้ได้แต่ก็ต้องระวังเรื่องของการเก็บไว้นานจนเกินไปด้วยนะ

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังแบบไหนดี

บริษัทที่ปรึกษาระดับนานาชาติ Kearney และ Luxasia ซึ่งเป็นผู้เล่นหลักในการสร้างแบรนด์ Omnichannel ในเอเชียแปซิฟิก เพิ่งเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับโอกาส ความท้าทาย และแนวทางแก้ไขสำหรับแบรนด์ความงามสุดหรูในภูมิภาคเอเชีย

• เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) และอินเดียอยู่ในตำแหน่งที่เป็นดินแดนแห่งโอกาสต่อไป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA)
• และอินเดียกำลังกลายเป็นตลาดที่มีการเติบโตที่มีแนวโน้มมากที่สุดในอุตสาหกรรมความงามหรูหราในเอเชียแปซิฟิก
• นี่เป็นการค้นพบที่สำคัญจากรายงานร่วมกันระหว่างบริษัทที่ปรึกษาระดับนานาชาติ Kearney และ Luxasia ซึ่งเป็นผู้เล่นหลักในการกระจายความงามที่หรูหราในภูมิภาค

“เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียควรอยู่ในวาระการประชุมของซีอีโอด้านความงามหรูระดับโลก เนื่องจากตลาดเหล่านี้พร้อมที่จะเป็นผู้นำในการเติบโตของความงามระดับหรูขั้นต่อไป” สิทธัตถ์ ปาตัก หุ้นส่วนอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายอุตสาหกรรมผู้บริโภคและการค้าปลีกประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว เคียร์นีย์

รายงานนี้มีชื่อว่า “Unlocking Hypergrowth in Asia’s Luxury Beauty Sector” โดยเน้นถึงโอกาส ความท้าทาย และแนวทางแก้ไขสำหรับแบรนด์หรูในภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็วนี้ ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ตลาดความงามที่หรูหราในอาเซียนและอินเดียอาจสูงถึง 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2569

โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) โดยประมาณที่ 11% ระหว่างปี 2564 ถึง 2574 การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าของ ขนาดตลาดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดเหล่านี้อยู่ในช่วงทศวรรษแห่งการเติบโตด้วยเลขสองหลักในด้านความงามที่หรูหรา

“เพื่อให้ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขัน แบรนด์ต่างๆ จะต้องมีกลยุทธ์ที่สอดคล้องกันในการแสดงความคิดเห็นและใช้ประโยชน์จากพลังของการแปลงเป็นดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมูล และการสนับสนุนระบบนิเวศ เพื่อปรับปรุงข้อเสนอและความยืดหยุ่นโดยรวม” Siddharth Pathak กล่าว

โอกาสในการเติบโตที่ไม่ซ้ำใคร ต่างจากตลาดที่อิ่มตัวอยู่แล้ว เช่น จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ESA และอินเดียยังคงไม่ค่อยถูกสำรวจจากแบรนด์ความงามระดับนานาชาติและแบรนด์ท้องถิ่นที่มีการแข่งขันสูง

โอกาสทองในการคว้าการเติบโตที่รวดเร็วนี้ไม่ควรพลาด แบรนด์ใหม่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาแพลตฟอร์มสำหรับการเติบโต” Wolfgang Baier ซีอีโอของ Luxasia Group เน้นย้ำ “แบรนด์เชิงพาณิชย์ที่มีอยู่จำเป็นต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับการแสดงตนแบบ Omnichannel โดยผสมผสานความคล่องตัวในการดำเนินงานมากขึ้น

เพื่อนำทางผ่านวิวัฒนาการของตลาดได้ดียิ่งขึ้น ด้วยประสบการณ์ เครือข่ายแบบ Omnichannel ที่กว้างขวาง และความเชี่ยวชาญในการสร้างแบรนด์ Luxasia พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ความงามสุดหรูทั้งหมด เพื่อการเติบโตและความสำเร็จในระยะยาวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย”

 

สนับสนุนเน้ือหาโดย    ถ่านเครื่องช่วยฟัง