สังคมคนทำงานในยุคปัจจุบันมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลากหลาย หนึ่งในนั้นก็คือโรคกรดไหลย้อน ที่สามารถป้องกันได้ง่าย ๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม
โรคกรดไหลย้อน เป็นภาวะการย้อนกลับของสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารขึ้นมาสู่หลอดอาหาร ได้แก่ น้ำย่อย อาหารที่ทาน และกรด โดยจะขึ้นมาในหลอดอาหารพร้อม ๆ กัน ซึ่งปกติแล้วระหว่างหลอดอาหารกับกระเพาะอาหารจะมีหูรูดที่ทำหน้าที่บีบรัดไม่ให้สิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหารได้ แต่ในคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อน หูรูดดังกล่าวจะเสื่อมสภาพและทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้สิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหารได้
อาการของโรคกรดไหลย้อน ได้แก่ แสบร้อนยอดอก ขย้อนหรือเรอเปรี้ยวออกมาหลังทานอาหาร โดยอาการเหล่านี้เกิดจากการย้อนกลับขึ้นมาของสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารมาสู่หลอดอาหารผ่านหูรูดอันแรก แต่ถ้าหากผ่านหูรูดอันที่สองขึ้นมาที่คอ จะมีอาการเสียงแหบ จุกในคอ มีความผิดปกติเกิดขึ้นในคอ เหมือนมีเสมหะเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นไข้หวัด หรือไอไม่ทราบสาเหตุ
สาเหตุของโรค ได้แก่ พฤติกรรมการทานอาหารและความอ้วน โดยพฤติกรรมการทานอาหารที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนคือการกินแล้วนอนทันที รวมถึงทานอาหารในปริมาณที่มากเกินไป จึงสามารถป้องกันได้โดยการปรับพฤติกรรม ได้แก่ ทานอาหารแต่พอดี ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และไม่ควรเข้านอนทันทีหลังทานอาหาร ควรเว้นเวลาในการนอนหลังทานอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
ในส่วนของการรักษา แพทย์จะทำการวินัจฉัยซึ่งดูจากอาการร่วมกับตรวจร่างกาย ส่องกล้องเพื่อดูภายในหลอดอาหาร หากพบความผิดปกติในกล่องเสียงและคอ ที่สงสัยว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน แพทย์จะให้คนไข้ปรับพฤติกรรม ลดน้ำหนัก และปรับเรื่องการรับประทานอาหาร ร่วมกับการออกกำลังกาย ที่สำคัญคือไม่กินแล้วนอนทันที